หมั่นตรวจเช็คความพร้อมของดวงตา...เพื่อการขับขี่อย่างปลอดภัย อ่าน 2,743
การมองเห็นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมากในการขับรถ การมองเห็นที่มีคุณภาพจะช่วยให้เราสามารถอ่านสัญลักษณ์ทางจราจรและป้ายบอกทางได้อย่างชัดเจน ดังนั้น การหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกี่ยวกับการมองเห็นจะช่วยทำให้คุณและคนที่คุณรักปลอดภัยขณะกำลังเดินทาง
การมองเห็นประเภทใดบ้างที่จำเป็นต่อการขับรถ ??
ระยะการมองเห็นและความกว้างของลานสายตาเป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่จะทำให้เราขับขี่ได้อย่างปลอดภัย ซึ่งแต่ละประเทศก็จะมีกฎหมายที่ระบุแตกต่างกัน ดังนั้นผู้ขับขี่ควรตรวจสอบว่าคุณสมบัติของการมองเห็นใดบ้างที่จำเป็นต่อการสอบใบอนุญาตขับขี่ยานพาหนะของประเทศนั้นๆ
ระยะการมองเห็นเบื้องต้น (visual acuity) เป็นการทดสอบว่าคุณสามารถเห็นได้ “ชัดเจน” เพียงใด โดยสามารถวัดได้จากการอ่านตัวหนังสือที่อยู่บนแผ่นทดสอบ ซึ่งการทดสอบนี้จะบอกได้ว่าคุณจำเป็นต้องใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์เพื่อช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นหรือไม่ หรือสำหรับผู้ที่ใส่แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์อยู่แล้ว ก็จะสามารถบอกได้ว่า ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนค่าสายตาแล้วหรือยัง
ความกว้างของลานสายตา (visual field) เป็นการทดสอบว่าคุณสามารถมองเห็นได้ “กว้าง” เพียงใด ซึ่งจะสามารถตรวจวัดได้จากการตรวจด้วยเครื่องมือพิเศษเฉพาะทางจักษุที่อยู่ตามโรงพยาบาล
นอกจากนี้ ความสามารถในการมองเห็นสีก็สำคัญเช่นกัน เนื่องจากคุณจำเป็นที่จะต้องแยกให้ออกระหว่างไฟสีเขียว สีส้ม หรือสีแดง เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่บนท้องถนนทั้งกับตัวเองและผู้อื่น
การเปลี่ยนแปลงของสายตาเกิดจากโรคใดบ้าง ??
เป็นเรื่องปกติของการที่การมองเห็นจะเปลี่ยนแปลงไปเมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะมีผลกระทบต่อการมองเห็น การมีสายตายาวตามอายุ (presbyopia) อาจทำให้ความสามารถในการมองเห็นสัญลักษณ์ทางจราจรและป้ายบอกทางต่างๆ ได้ชัดเจนน้อยลง หรือภาวะตาแห้ง (dry eye) ที่อาจทำให้คุณภาพการมองเห็นในเวลากลางคืนลดลงได้เช่นกัน สำหรับโรคตาอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็นได้ เช่น
-
โรคต้อหิน (glaucoma) คือ โรคที่เส้นประสาทตาเสื่อมลงจากการที่มีความดันตาสูงไปกดและทำลายเส้นประสาทตา โดยปกติโรคต้อหินในระยะแรกจะไม่มีอาการผิดปกติ แต่เมื่อระยะของโรคได้ดำเนินไปจนถึงจุดหนึ่ง จะทำให้การมองเห็นแคบลง ซึ่งในระยะนี้จะเริ่มเป็นระยะที่คนไข้เริ่มสังเกตเห็นว่าการมองเห็นผิดปกติไปจากเดิม
-
โรคเบาหวานที่จอประสาทตา (diabetic retinopathy)คือ โรคที่สัมพันธ์กับระดับน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งจะส่งผลให้เส้นเลือดที่อยู่ที่บริเวณจอประสาทตาเปราะบางและแตกง่าย ถ้าหากเส้นเลือดแตกและมีเลือดออกที่จอประสาทตาจะส่งผลให้การมองเห็นมัวลงอย่างชัดเจน
-
โรคต้อกระจก (cataract)คือ โรคที่เกิดจากการเสื่อมของเลนส์แก้วตา ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน ในบางรายอาจเห็นเป็นแสงแตกกระจาย (glare) หรือเห็นเหมือนมีวงล้อมที่รอบดวงไฟที่เรากำลังมองอยู่ (halo) โรคต้อกระจกจะทำให้คุณภาพของการมองเห็นในที่มืดแย่ลง รวมถึงจะทำให้ความสามารถในการจำแนกสีลดลงได้อีกด้วย
-
โรคศูนย์กลางจอประสาทตาเสื่อม (macular degeneration) เป็นโรคที่เกิดที่บริเวณจุดรับภาพชัด (macula)ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นภาพบริเวณตรงกลาง
โรคต่างๆ ที่กล่าวมานี้ มีทั้งโรคที่ทำให้สูญเสียการมองเห็นชั่วคราว เมื่อรักษาแล้ว การมองเห็นจะกลับมาดีขึ้น กลับโรคที่ทำให้สุญเสียการมองเห็นอย่างถาวร ดังนั้น ท่านที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการตรวจเช็คสุขภาพตาเป็นประจำทุกปีนะคะ
cr.AAO